จริงๆแล้ว Hi5 ก็ยังใช้งานได้นะ และมีคนใช้อย่างต่อเนื่อง  แต่ทว่า “กระแส” มันไม่ได้แรงเหมือนเก่าเรียกได้ว่าตอนนี้ใครๆก็ Facebook กับ Twitter  แล้วมันเกิดอะไรขึ้น Hi5  แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับ Hi5 วันนี้ขอวิเคราะห์กันหน่อยแล้วกัน  ในฐานะคนที่เคยใช้ Hi5

อืด

ด้วยข้อดีของ Hi5 เครือข่ายสังคมออนไลน์ (เคยฮิต) เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ เปลี่ยนธีม เปลี่ยนหน้ากากได้หลากหลาย  แต่ข้อเสียของมันคือเวลาจะเข้าหน้า Hi5 นั้นช้ามากๆ  บางคนเล่นแต่งซะเว่อร์โหลดหน้าเว็บทีรอเป็นชาติ  มีการใส่เพลง  วิดเก็ตไม่อั้น  …ถ้าความเร็วเน็ตเราช้าด้วยแล้ว  อาจได้รอนานต้มมาม่าได้สักสองสามชาม

เซเล็ป

เหล่าดาราคนดังหลายคนเขาเล่น Facebook-Twitter แม้แต่นักการเมืองก็ยังใช้กัน  และแน่นอนว่าบรรดาแฟนคลับต้องแห่แหนไปเล่นด้วย  เพราะพวกเขาเป็นผู้มีอิทธิพลที่จะชักจูงคนได้ง่ายๆ  อำนาจเซเล็ปไม่ใช่ของกล้วยๆเลยนะ

เกมส์

เกมส์ Hi5 หลายๆเกมส์เล่นแล้วติด สนุกใช่ย่อย  แต่เกมส์ Facebook มันสนุกกว่า  …ไม่เชื่อลองเล่นดูสิ  ด้วยเหตุนี้ผมกับเพื่อนหลายๆคนแห่แหนมาซบเฟสบุ๊ค

ความสัมพันธ์เครือข่าย

ข้อด้อยที่ทำให้ Hi5 ไม่ทันเกมส์คือการคอมเม้นหรือการแสดงความคิดเห็นบนหน้าโปรไฟล์  นั้นไม่ค่อยทันใจ เหมือนการตอบกลับไปกลับมา  ไม่ทันใจเหมือนทวิทเตอร์กับเฟสบุ๊ค  ที่สื่อสารได้แบบ Real-Time  มีลูกเล่นมากมาย แชร์ไฟล์ แชร์ภาพได้สนุกสนาน

มือถือ

ช่วงที่สมาร์ทโฟนหรือมือถือจอทัชกำลังเติบโต  แต่ Hi5 กลับไม่ได้ตลาดตรงนี้ตั้งแต่แรก  สังเกตได้จากในโฆษณามือถือจอทัช ชอบโฆษณาว่ามีแอพ Facebook กับ Twitter  ไม่มีกล่าวถึง Hi5 เลย   เพราะพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป ทุกวันนี้เราสามารถสื่อสารกับเพื่อนได้ทุกที่ด้วย Facebook กับ Hi5

สรุป

เพราะจุดเด่นของ Hi5 กลายเป็นข้อเสียของการสื่อสารในยุคคปัจจุบัน ที่ต้องการความรวดเร็วและความง่าย  แต่ Hi5 นั้นอืดและไม่เจาะกลุ่มมือถือ  จนกลายเป็นว่าตาม Facebook และ Twitter ไม่ทัน  จำนวนผู้ใช้งาน Hi5 ในประเทศไทยตอนนี้อาจดูมากกว่า  แต่ในควมเป็นจริงถ้าพูดกันถึงกระแสหรือเทรนด์ในปัจจุบัน  Hi5 ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้นเลย  ดีไม่ดีกลายเป็นสัญลักษ์ของความเชยไปแล้ว  …แต่ยังหวังว่า Hi5 จะปรับกลยุทธ์ใหม่ เหมือนกับที่ Myspace เครือข่ายออนไลน์ (เคยนิยม) กำลังดิ้นรนหาทางรอดอยู่.

บทความก่อนหน้านี้อวสานของ “ไม้เรียว”
บทความถัดไปวินโดว์แท้ VS วินโดว์เถื่อน
เป้าหมายการทำเว็บของผมคือ คนไทยต้องเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย จะแก้ปัญหาไอทีต้องมีทางออก เว็บมหาลัยฯจึงก่อกำเนิดขึ้น